ตามรอยกสมบัติเพชรพระศรี ( 3 วัน 2 คืน อยุธยา-อุทัยธานี) - 🎉 Boonsrang tour & Discovery  🤩

ตามรอยกสมบัติเพชรพระศรี ( 3 วัน 2 คืน อยุธยา-อุทัยธานี)

4,199 บาท / บาท (ราคาเริ่มต้น)

heart“กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานนัก หลังจากกรุงศรีอโยธยาได้พังพินาศแล้วนั้น พระเจ้ามะระได้สั่งให้เร่งขนย้ายทรัพย์สมบัติ ผู้คนและเชลยสงครามกลับสู่ดินแดนของตนเพื่อเตรียมทัพรับศึกกองทัพใหญ่จากกรุงจีนที่ได้ยกประชิดชายแดนทางเหนือเข้ามาอย่างรีบด่วน โดยทิ้งแม่ทัพนายกองบางส่วนไว้เพื่อเก็บตกทรัพย์สมบัติที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดสิ้น และส่วนกองแม่ทัพนามว่า มหานราธอ ได้นำกองกำลังจัดส่งสมบัติชุดหนึ่งสู่กรุงรัตนอังวะ โดยระหว่างทางนั้นเกิดเป็นไข้ป่าจนล้มป่วยและเสียชีวิตในระหว่างทางนั้น แต่ก่อนที่จะสิ้นใจ มหานราธอได้นำ“มหายอดมณีประดับพระนลาฎพระศรี แห่งมหานครกรุงศรีอโยธยา” ไปซ่อนไว้กลางป่าลึกลับ โดยทำแผนที่ลายแทงเอาไว้และฝากกับคนสนิทให้ส่งไปยังญาติของตนเผื่อวันหน้าลูกหลานจะได้มาเอามณีนี้ไป ซึ่งหลังจากนั้นอีกร้อยปีต่อมาเมื่อรัฐบาลอังกฤษได้ยึดประเทศพม่าแล้ว ได้พบลายแทงชิ้นนี้แต่ไม่ทราบว่าคืออะไรจึงได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่ห้องสมุดกรุงลอนดอน และต่อมาหม่อมเจ้าท่านหนึ่งได้ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อคราวศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และทำการขอสำเนามาเก็บไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเผื่อว่าวันหนึ่งจะมีใครมาพบพร้อมแก้ปริศนาต่อไป และการเดินทางผจญภัยเพื่อตามรอยลายแทงโบราณมหาสมบัติก็ได้เริ่มต้น ณ.บัดนี้”enlightenedenlightenedenlightened

โปรแกรมทริปแฟนตาซี ล่าสมบัติเพชรพระศรี3วัน 2คืน ( BS.50.05)

วันแรกของการเดินทาง (ตามหากรุสมบัติแห่งกรุงศรีอโยธยา)

06.30 น. มัคคุเทศก์รับที่BTS หมอชิต เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

( แวะทานอาหารระหว่างทางแล้วแต่จุดที่เหมาะสม)

วัดราชบูรณะตะลุยกรุมหาสมบัติหลายร้อยปี

วัดราชบูรณะสร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ในบริเวณพื้นที่และตำแหน่งเดิมที่พระองค์ได้ทรงถวายพระเพลิงศพพระเพลิงศพให้กับเจ้านครอินทร์ ผู้เป็นพระราชบิดาโดยเมื่อครั้งที่พระอินทรราชา หรือเจ้านครอินทร์ได้เสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งกรุงศรีอยุธยาแล้วนั้น ทรงมีนโยบายในการเปิดการค้าขายกับจีน ภายใต้การอุดหนุนของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง กรุงศรีอยุธยาที่เป็นเมืองธรรมดาก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะเมืองท่าในการค้าขาย และเป็นตลาดกลางในการค้าขายกับจีนเมื่อเจ้านครอินทร์เสด็จสวรรคตลง เกิดการแย่งราชสมบัติการขึ้นระหว่างเจ้าอ้ายพระยากับเจ้ายี่พระยา พระราชโอรสทั้งสองของเจ้านครอินทร์ ผลลัพธ์คือพระราชบุตรทั้งสองก็สิ้นชีพลง เจ้าสามพระยาจึงได้รับสืบทอดราชสมบัติ เมื่อสิ้นพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพของพระราชบิดาไปแล้ว เจ้าสามพระยาจึงตัดสินใจที่จะสร้างวัดเป็นการถวายพระราชกุศลให้แก่พระอินทรราชาในพื้นที่ที่ได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยให้ชื่อว่าวัดราชบูรณะ พร้อมกันนั้นก็ได้นำทรัพย์สมบัติจำพวกทองคำและข้าวของมีค่าเก็บเอาไว้ใต้พระปรางค์ใหญ่ภายในวัด ซึ่งทองคำเหล่านั้นที่เจอในกรุของวัดราชบูรณะ

อันซีนสี่สระศักดิ์สิทธิ์ แห่งเมืองสุพรรณบุรี

มีเรื่องเล่ากล่าวว่าสระศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ว่า ครั้งหนึ่งมีเจ้าเมืองผู้ครองนครองค์หนึ่ง มีธิดา 4 องค์ ชื่อ แก้ว คา ยมนา และเกศ พระธิดาสามองค์แรกมีสวามีเป็นคนธรรมดา แต่ธิดาองค์สุดท้องมีสวามีเป็นลิงเผือก ต่อมา เมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าตนเองชราภาพลงมาก จึงคิดจะยกเมืองให้กับลูกเขยครองแทน โดยตั้งกติกาว่า ให้พระธิดาช่วยกันขุดสระให้เสร็จภายใน 7 วัน ผู้ใดขุดสระได้ใหญ่ที่สุด ก็จะให้สวามีของธิดาองค์นั้นเป็นเจ้าเมืองแทนธิดาและสวามี 3 คู่แรก ต่างช่วยกันขุดสระ ยกเว้นธิดาองค์สุดท้องที่ต้องขุดเพียงคนเดียว และก็ยังถูกพวกพี่กลั่นแกล้ง โดยนำดินมาถมใส่ จนกระทั่งในคืนสุดท้าย ธิดาเกตจึงอ้อนวอนให้ลิงเผือกช่วยเหลือ พญาลิงจึงพาพลพรรคลิงมาช่วยขุด จนได้สระใหญ่กว่าสระ ของธิดาผู้พี่ทั้งสาม และยังทำเป็นเกาะกลางน้ำปลูกต้นเกตเพื่อเป็นสัญลักษณ์ไว้ด้วย พอรุ่งเช้า เจ้าเมืองเกิดสวรรคตไปก่อน บรรดาเสนาอำมาตย์พิจารณากันแล้วเห็นว่า สระของเกตกับลิงเผือกใหญ่กว่าของคู่อื่น จึงมีมติมอบราชสมบัติให้ครอบครองแทนธิดาองค์พี่ทั้งสามและสวามีไม่พอใจ จึงขโมยพระขรรค์ศักดิ์สิทธิ์หนีไป พญาลิงเผือก ออกติดตามไปทันกันที่สระเกต พวกพี่จึงขว้างพระขรรค์ลงสระ บังเอิญถูกต้นเกตขาดสะบั้น ล้มลง และพระขรรค์ก็จมสูญหายไปด้วย ตั้งแต่นั้นมาสระดังกล่าวจึงกลายเป็นสระศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากมีพระขรรค์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในสระแห่งนี้

ต้นไม้ยักษ์ หมู่บ้านสะนำ บ้านไร่ อุทัยธานี

ต้นไม้ยักษ์นี้ เป็นไม้เนื้ออ่อน มีพูพอนไว้ค้ำลำต้น เส้นรอบวงแนบตามพูพอน จะได้ประมาณ 97 เมตรเลยทีเดียวค่ะ แต่ถ้าวัดจากการใช้คนกางแขนโอบจะได้ราว 40 คน อยู่กลางป่าหมากและป่าสมุนไพร อีกทั้งยังเปรียบเป็นเหมือนศูนย์กลางที่สร้างความรักและความศรัทธาให้กับชุมชนอย่างมาก และในทุกๆ ปี วันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 จะมีพิธีเลี้ยงเจ้าบ้านและประเพณีปิดบ้าน เพื่อเป็นพิธีแสดงความกตัญญูและความเคารพต่อวิญญาณบรรพบุรุษที่ปกปักรักษา คุ้มครอง และให้อยู่ดีกินดี แน่นอนว่า ต้นไม้ยักษ์ นี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมนี้ด้วย

-เข้าที่พักห้วยขาแข้ง คันทรีโฮม รีสอร์ท

วันที่สองของการเดินทาง (ตะลุยป่ามรดกโลก)

08.00 ออกเดินทางสู่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

เดินทางศึกษาชมเส้นทางธรรมชาติตำนานนักสู้บนพื้นป่ามรดกโลก

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ตั้งอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี และมีพื้นที่ติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในพื้นที่จังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรี ที่อยู่ทางทิศตะวันตก ถือเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของผืนป่าตะวันตกของประเทศไทย และเป็นผืนป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยองค์การยูเนสโกเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 มีลักษณะเป็นผืนป่าที่มีความยาวจากเหนือจรดใต้วัดเป็นเส้นทางตรงมากกว่า 100 กิโลเมตร มีพื้นที่กว่า 1,737,587 ไร่ แต่ได้ผนวกรวมเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้ง จนขยายเป็นประมาณ 1,800,000 ไร่ หรือ 2,880 ตารางกิโลเมตร ในปัจจุบัน ทางเหนือติดกับอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางรวมถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในจังหวัดตากและกาญจนบุรี และทิศใต้ติดกับอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี รวมถึงอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี มีเพียงพื้นที่ด้านทิศตะวันออกเท่านั้นที่อยู่ติดกับชุมชน 3 อำเภอ คือ อำเภอบ้านไร่, อำเภอลานสัก และอำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี เดิมทีเป็นผืนป่าที่ได้รับสัมปทานให้ตัดไม้ แต่กลับไม่เคยถูกบุกรุก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2508 จึงเริ่มมีการสำรวจทางวิชาการอย่างจริงจัง และได้รับการประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อปี พ.ศ. 2515 เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำดับที่ 5 ของไทย ลักษณะภูมิประเทศมีทั้งทิวเขาและที่ราบ โดยเป็นแนวเขาของทิวเขาถนนธงชัยและตอนเหนือของทิวเขาตะนาวศรี มีความหลากหลายทั้งภูมิประเทศ, ภูมิอากาศ และความชื้น อันเป็นที่มาของความหลากหลายทางชีวภาพ จนกล่าวได้ว่าที่นี่มีป่าเกือบทุกประเภท ยกเว้นป่าชายเลนและป่าชายหาด หรือป่าพรุน้ำจืด เท่านั้น โดยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งถือเป็นพื้นที่เงาฝน เนื่องจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรที่อยู่ทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ ๆ สูงกว่าระดับน้ำทะเล ดังนั้นเมื่อฝนมาปะทะที่ด้านทิศตะวันตกรวมถึงตะวันตกเฉียงใต้ก็จะตกที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรโดยข้ามเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งไป จึงทำให้ป่าที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ป่าดิบ แต่เป็นป่าเบญจพรรณ โดยเฉพาะป่าไผ่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ยังเป็นต้นน้ำของแหล่งน้ำสำคัญ 3 สาย คือ ลำน้ำทับเสลา ซึ่งไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำทับเสลา และไหลลงสู่แม่น้ำสะแกกรังจนกระทั่งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา, ลำน้ำห้วยขาแข้งไหลลงสู่เขื่อนศรีนครินทร์ และลำน้ำแม่กลอง–อุ้มผาง ที่ไหลจากจังหวัดกาญจนบุรีและตาก ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตไฟฟ้ารวมถึงน้ำประปาในภาคตะวันตกและกรุงเทพมหานคร ความหลากหลายทางชีวภาพของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด บางชนิดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ เช่น สมเสร็จ, เก้งหม้อ, เลียงผา, กระทิง, วัวแดง, ควายป่า ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ทางธรรมชาติแห่งสุดท้ายแล้วในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่ง ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และได้แพร่ขยายไปยังพื้นที่ป่าใกล้เคียงกันด้วย จากการศึกษาพบว่ามีประมาณ 70–80 ตัว จากปริมาณทั้งหมดที่มีในธรรมชาติในประเทศไทย 250–300 ตัวโดยเฉพาะที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งนี้จะมีสัตว์ป่าที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวที่นิยมการเที่ยวแบบผจญภัยหรือนักถ่ายภาพธรรมชาติอยู่ทั้งสิ้น 7 ชนิด เรียกกันว่า "ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7" (Big 7) ได้แก่ ช้าง, เสือโคร่ง, เสือดาว, ควายป่า, วัวแดง, กระทิง และสมเสร็จ

พร้อมรับประทานอาหารเที่ยง และชมศูนย์รักษาพันธุ์สัตว์ป่า

แวะบ่อน้ำพุร้อน ลานสัก

รับประทานอาหารเย็น กลับที่พัก

วันที่สามของการเดินทาง (ตะลุยป่าล้านปีปริศนาภาพเขียนโบราณ) 

07.00 เดินทางสู่ เขาปลาร้าปริศนาภาพเขียนโบราณลายแทงถ้ำศักดิ์สิทธิ์

          เขาปลาร้าเป็นเหมือนเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างหมู่บ้านห้วยโศก อำเภอลานสัก กับตำบลเขาบางแกรก อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี สภาพทั่วไปของภูเขาลูกนี้ จัดเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่มีความสูงชันประมาณ 598 เมตร สภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ การเดินขึ้นเขาปลาร้าต้องเดินเท้าและปีนเขาในบางช่วง รวมระยะทาง 900 เมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะถึงยอดเขาอันเป็นจุดชมวิวชั้นดีที่คุณจะได้เต็มอิ่มกับทัศนียภาพของอุทัยธานีในอีกมุมหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาปลาร้าไม่ได้มีเพียงการเป็นจุดชมวิวเท่านั้น หากที่นี่คือสถานที่ที่มีคุณค่าต่อโบราณคดี เมื่อมีการพบภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์อายุประมาณ 3,000 ปี ตรงหน้าผาด้านตะวันตกที่ระดับความสูง 320 เมตร โดยภาพที่ปรากฏนั้น เป็นลายเส้นสีดำและสีแดง ตลอดแนวยาวประมาณ 9 เมตร แม้เส้นสีดำค่อนข้างจางไปแล้ว แต่ส่วนสีแดงยังคงเห็นได้อยู่ โดยภาพนั้นมีทั้งภาพกลุ่มมนุษย์หลายแบบหลายลักษณะ รวมทั้งกลุ่มภาพสัตว์ ทั้งนี้ มีการพบภาพเขียนทั้งหมด 40 ภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพชีวิตสังคมของคนยุคโบราณ นักโบราณคดีได้แบ่งกลุ่มภาพเขียน บนเขาปลาร้าไว้ 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มภาพที่มีคนท่ามกลางสัตว์เลี้ยง (คาดว่าเป็นสุนัข) กลุ่มที่สอง กลุ่มภาพที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับวัว มีการเล่าถึงการไปจับวัวป่าแล้วนำกลับมาเลี้ยง กลุ่มที่สาม กลุ่มภาพที่แสดงถึงการประกอบพิธีกรรม ซึ่งคนที่อยู่ในภาพมีเครื่องประดับแตกต่างจากคนทั่วไป และสัตว์ที่อยู่ในภาพมีลักษณะคล้ายลิงอยู่ด้วย กลุ่มที่สี่ เป็นกลุ่มภาพเบ็ดเตล็ดซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพสัตว์ ทิปส์ท่องเที่ยว การเดินขึ้นเขาปลาร้านั้น ควรเตรียมน้ำดื่มให้พร้อม และใส่รองเท้าผ้าใบที่กระชับ เพราะทางเดินเป็นหินก้อนเล็กและลื่นตลอด

12.00 รับประทานอาหารเที่ยง

13.00 ตะลุยหุบป่าตาดป่าลึกลับล้านปี

  หุบป่าตาดเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งนางาม ในอำเภอลานสัก ถ้ำนี้แห่งนี้ถูกค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 โดยในครั้งนั้นพระครูได้ปีนลงไปในหุบเขาแห่งนี้และพบว่ามีต้นตาดขึ้นอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ (ต้นตาดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม) จึงทำการเจาะปากถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าในปี พ.ศ. 2527 ต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เพราะสถานที่แห่งนี่มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลก คล้ายกับป่าดงดิบและมีพันธุ์ไม้หายากมากมาย ปัจจุบันจึงอยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำประทุน และมีการจัดทำเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางราว 700 เมตรให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมและสัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด ภายในบริเวณถ้ำที่เป็นทางเดินเข้าหุบป่าตาดนั้นค่อนข้างมืด จึงอาจต้องใช้ไฟฉายช่วยในการส่องทาง เมื่อเดินเข้าไปได้สักระยะจะพบบริเวณปล่องขนาดใหญ่ที่มีแสงส่องลงมาได้และจะถึงบริเวณป่าตาด ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้มาอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ที่มีพันธุ์ไม้แปลกตา โดยนอกจากต้นตาดแล้วที่นี่ยังพบไม้หายากพันธุ์อื่นๆ เช่น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก เป็นต้น ในบริเวณหุบเขานี้มีลักษณะคล้ายป่าดงดิบและยังมีความชุ่มชื้นสูง แสงจะส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวัน เพราะมีเขาหินปูนสูงชันอยู่ล้อมรอบ มีความร่มรื่นเหมาะแก่การเดินชมธรรมชาติ นอกจากนี้ หากใครมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนก็อาจจะได้พบกิ้งกือมังกรสีชมพูที่จะออกมาอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้เห็นอีกด้วย

20.00 ถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต  

   เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ –

ข้อตกลงเบื้องต้น

- ค่าบริการเริ่มต้นที่  4199 บ. ต่อท่าน

-การเดินทางนี้จะเป็นการเดินทางเป็นกันเองรับจำนวนจำกัดขั้นต่ำ 8 ท่าน

-โปรแกรมนี้สามารถปรับเปลี่ยนหรือสลับได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้าเช่น ฝนตกหนัก หรือจราจรติดขัด หรืออื่นๆ ที่มัคคุเทศก์จะเห็นตามสมควร

- ราคานี้ยังไม่ได้รวม vet 7% หากท่านใดต้องการใบกำกับภาษีกรุณาแจ้งล่วงหน้า

- กรณียกเลิกทัวร์หากแจ้งก่อน 7วัน ที่จะออกเดินทางบริษัทยินดีคืนเงินเต็มจำนวน แต่หากหลัง 3วัน ที่จะออกเดินทางบริษัทขอคืนเงินเพียง 30% จากจำนวนเต็ม แต่หากขอยกเลิกทัวร์ในช่วงเวลาที่ดำเนินการทัวร์(หรือออกทัวร์แล้ว)บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินใดๆทั้งสิ้น       

ราคานี้รวม-มัคคุเทศก์  - อาหารเที่ยง -ประกันการเดินทางอุบัติเหตุ   - น้ำดื่มตลอดการเดินทาง

ราคานี้ไม่รวม -ค่าทิปไกด์ และ คนขับรถ(ไม่บังคับ)    -ค่าเครื่องดื่มนอกรายการ -ค่าของใช้ส่วนตัวนตกหนัก หรือจราจรติดขัด หรืออื่นๆ ที่มัคคุเทศก์จะเห็นตามสมควร

 

Share on social networks
ใบอนุญาต 11/07423
ที่อยู่ 95/197 หมู่บ้านไพรเวท รามอินทรา ถนนปัญญาอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510
เวลาเปิด-ปิด จันทร์-ศุกร์ 9.00-18.00 น.
ติดต่อเรา